วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

อาชีพในฝัน

วิศวะคอมพิวเตอร์
รายละเอียดเกี่ยวกับการเรียนในคณะวิศวะคอมพิวเตอร์ หรือ (Computer Engineerin)

การเรียนการสอนในคณะนี้เป็นการศึกษาเกี่ยวกับระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์ ทั้งส่วนที่เป็นฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ รวมไปถึงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เน้นวิธีการเรียนรู้แบบผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง มีการเรียนรู้กึ่งภาคทฤษฎี และคอมพิวเตอร์ในห้องปฏิบัติการ การฝึกงานอุตสาหกรรมในบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ เน็ตเวิร์คต่างๆ โดยมีวิชาเลือกให้นักศึกษา ได้เลือกเรียนตามสาขาต่างๆ ที่ตนถนัด ไม่ว่าจะเป็น วิศวกรรมซอฟต์แวร์ การประมวลผลแบบขนานและแบบกระจาย การออกแบบ VLSI (Very Large Scale – Integration) ระบบฝังตัวการประมวลผลสัญญาณ มัลติมีเดีย ระบบเครือข่ายสื่อสารและอื่นๆ

โอกาสของผู้สำเร็จการศึกษา สามารถเป็นอาจารย์สอนหนังสือในมหาวิทยาลัย ผู้ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ของหน่วยงาน องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โปรแกรมเมอร์/นักวิเคราะห์ระบบ นักวิจัย/ผู้ช่วยวิจัย หรือ ศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นทั้งปริญญาโท/ปริญญาเอก ในสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิทยาการคอมพิวเตอร์ ครุศาสตร์คอมพิวเตอร์ และอื่นๆ ตามแต่นักศึกษาจะมีศักยภาพเพียงพอ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ หรือ ประกอบธุรกิจส่วนตัว (บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์)

วิศวกรรมคอมพิวเตอร์เป็นสาขาที่จะแตกต่างกับวิศวกรรมสาขาอื่น เพราะมีการเรียนการสอนในลักษณะของสหวิทยาการ คือ ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ และคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ จึงเป็นสาขาที่สามารถเชื่อมโยงหรือต่อยอดไปทางด้านอื่นๆ ได้ง่าย เช่น โรโบติกส์ และระบบอัตโนมัติ ถ้าสามารถเพิ่มเติมพื้นฐานด้านวิศวกรรมเครื่องกลเข้าไปอีกด้วยละก็ การสร้างหุ่นยนต์ก็เป็นเรื่องไม่ยาก แต่ด้านนี้จะลดความสำคัญลงไปเรื่อยๆ เพราะในอนาคตวิทยาการด้านปัญญาประดิษฐ์จะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ

คะแนนสอบข้าวของสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์สสจะสูงสุดในกลุ่มวิศวกรรมศาสตร์ โดยเฉพาะวิศวกรรมคอมพิวเตอร์จุฬาฯ รองลงมาก็เป็นวิศวกรรมคอมพิวเตอร์เกษตรฯ ในปีหนึ่งๆ จะรับนักศึกษาเพียงไม่กี่สิบคน ทำให้เกิดการแข่งขันที่สูงมาก เพราะคณะนี้มีลู่ทางในการประกอบอาชีพที่ดี เป็นการเรียนเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาไปสู่อนาคต ฉะนั้นใครรที่ต้องการเรียนในคณะนี้จะต้องขยันอ่านหนังสือให้มากๆ 

วงดนตรีที่ชอบ

บอดี้สแลม (อังกฤษBodyslam) เป็นวงดนตรีร็อกสัญชาติไทยจากกรุงเทพมหานคร ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2545 เป็นวงดนตรีที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย สมาชิกวงที่เป็นที่รู้จักกันดีจากวงนี้คือ นักร้องนำของวง อาทิวราห์ คงมาลัย (ตูน) โดยเพลงส่วนใหญ่ได้อิทธิพลมาจากดนตรีร็อกจากฝั่งสหรัฐอเมริกาในยุคต้นคริสต์ทศวรรษ 1990 ผสมผสานกับดนตรีแนวโปรเกรสซีฟร็อก[1] บอดี้สแลมประสบความสำเร็จกับอัลบั้มชุดแรกของวง ซึ่งมีชื่ออัลบั้มเป็นชื่อเดียวกันกับวง หลังจากนั้นก็ได้ออกจำหน่ายอัลบั้มชุดต่อมา ไดรฟ์ ในปี พ.ศ. 2546 และตามด้วยการออกงานแสดงคอนเสิร์ต
หลังจากที่ได้เซ็นสัญญากับจีนี่เรคคอร์ดส บอดี้สแลมก็ได้ออกอัลบั้ม บีลีฟ เซฟมายไลฟ์ และอัลบั้ม คราม ตามลำดับ โดยจากผลสำรวจของเอแบคโพล บอดี้สแลมเป็นวงดนตรีที่เป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดอันดับ 1 ทั้งในปี พ.ศ. 2552 พ.ศ. 2553 และ พ.ศ. 2555 และอัลบั้มชุดล่าสุดมีชื่อว่า ดัม-มะ-ชา-ติ ออกจำหน่ายในปี พ.ศ. 2557 จากนั้นก็ได้จัดคอนเสิร์ตใหญ่ทั่วประเทศไทยชื่อว่า ปรากฏการณ์ดัมมะชาติ

ประวัติ[แก้]


ตูน อาทิวราห์ คงมาลัย นักร้องนำและนักแต่งเพลงของวงบอดี้สแลม

ช่วงแรกของวง (2539–2541)[แก้]

ดูบทความหลักที่: ละอ่อน
บอดี้สแลมเริ่มต้นด้วยวง ละอ่อน ในปี พ.ศ. 2539 วงได้ชนะการประกวดวงดนตรี Hot Wave Music Award และได้ออกจำหน่ายอัลบั้มกับค่ายมิวสิก บั๊กส์ ในชื่อ ละอ่อน ในปี พ.ศ. 2540 ด้วยแนวเพลงป็อปร็อก เพลงหนึ่งในอัลบั้ม "ได้หรือเปล่า" เป็นเพลงที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดของวง ต่อมา ตูน กับ เภา ออกจากวงไป และได้ปั้น(Basher) มาร้องนำ ได้ออกอัลบั้มชุดที่สอง เทพนิยายนายเสนาะ ในปี พ.ศ. 2541 แต่หลังจากนั้นวงก็ได้แยกย้ายกันไปเรียนต่อ

อัลบั้ม บอดี้สแลม และ ไดรฟ์ (2545–2547)[แก้]

วงกลับมาอีกครั้งประมาณปี พ.ศ. 2545 ด้วยชื่อใหม่ บอดี้สแลม ซึ่งมีเปลี่ยนแนวเพลงไปเป็นร็อกที่หนักหน่วงมากขึ้น ด้วยสมาชิกเพียงสามคนที่เหลืออยู่ ได้แก่ นักร้องนำ ตูน อาทิวราห์ คงมาลัย มือเบส ปิ๊ด ธนดล ช้างเสวก และมือกีตาร์ เภา รัฐพล พรรณเชษฐ์ วงอธิบายว่า ที่มาของชื่อนี้มาจากชื่อท่าหนึ่งของมวยปล้ำ แต่ถ้าแปลความหมายตรงตัว บอดี้ แปลว่าร่างกาย สแลม คือการทุ่ม เมื่อมารวมกันเป็น บอดี้สแลม ก็จะหมายถึง การทุ่มสุดตัว คือการทำงานเพลงกันเต็มที่แบบทุ่มสุดตัว วงได้ออกจำหน่ายอัลบั้มชุดแรกของวงชื่อว่า บอดี้สแลม ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2545 และได้ประสบความสำเร็จ โดยมีเพลงฮิตอย่าง "งมงาย" "ย้ำ" และ "สักวันฉันจะดีพอ"
ต่อมาได้ออกจำหน่ายอัลบั้มชุดที่สอง ไดร์ฟ (Drive) ในปี พ.ศ. 2546 เป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จเท่ากันกับอัลบั้มชุดแรก โดยมีเพลงฮิตอย่าง "ปลายทาง" "ความซื่อสัตย์" "ชีวิตที่ฉันเหลืออยู่" และ "หวั่นไหว" และได้ชนะรางวัลมิวสิกวิดีโอในสาขา "กลุ่มศิลปินที่เป็นที่ชื่นชอบ" ในมิวสิกวิดีโอของเพลง "ปลายทาง"[2] ในวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2547 บอดี้สแลมได้ออกคอนเสิร์ต HOTWAVE LIVE: BODYSLAM MAXIMUM LIVE จัด ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตที่ทาง 91.5 Hot Wave จัดให้โดยเป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกของวง โดยมีศิลปินรับเชิญคือ ปู แบล็คเฮด, อ๊อฟ บิ๊กแอส, และป๊อด โมเดิร์นด็อก

อัลบั้ม บีลีฟ (2548–2549)[แก้]

หลังจากอัลบั้มที่สอง บอดี้สแลมได้มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย วงได้ออกจากค่ายมิวสิก บั๊กส์และได้เซ็นสัญญากับจีนี่เรคคอร์ดส ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ค่ายเพลงใหญ่ของประเทศไทย ต่อมามือกีตาร์ของวง เภา รัฐพล พรรณเชษฐ์ ได้ออกจากวงบอดี้สแลม และออกอัลบั้มเดี่ยวในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2548 ในอัลบั้มชื่อ Present Perfect สังกัดค่ายสนามหลวง ทำให้บอดี้สแลมเหลือสมาชิกวงอยู่ 4 คน และได้คว้าตัวมือกีตาร์คนใหม่ คือ ยอด ธนชัย ตันตระกูล และออกสตูดิโออัลบั้มชุดที่สามของวง บีลีฟ (Believe) ในปี พ.ศ. 2548 โดยทางวงประสบความสำเร็จอย่างสูง มีเพลงฮิตอย่าง "ขอบฟ้า" "ห้ามใจ" "ความรักทำให้คนตาบอด" "พูดในใจ" "รักก็เป็นอย่างนี้" "ชีวิตเป็นของเรา" "คนที่ถูกรัก" และ "ความเชื่อ" ซึ่งเพลงนี้ต่อมาได้กลายเป็นเพลงสัญลักษณ์ประจำวงบอดี้แสลม
ในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 บอดี้สแลมได้ออกคอนเสิร์ตวันคุ้มครองโลกในชื่อ บอดี้สแลมบิลีฟคอนเสิร์ต ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี โดยมีแขกรับเชิญ 2 คน คือ บอย พีซเมกเกอร์ และเภา รัฐพล พรรณเชษฐ์ อดีตมือกีตาร์ของวง ในวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2548 ได้ออกคอนเสิร์ตบิ๊กบอดี้ (Big Body) ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี โดยจัดร่วมกับวงบิ๊กแอส และได้แสดงร่วมกับวงบิ๊กแอสอีกครั้งในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2549 ในคอนเสิร์ตเอ็มร้อยห้าสิบ สุดชีวิตคนไทย ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี และยังได้แสดงร่วมกับ โปเตโต้เสก โลโซลานนา คัมมินส์, และ ไมค์ ภิรมย์พร

อัลบั้ม เซฟมายไลฟ์ (2550–2551)[แก้]

ในวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2550 บอดี้สแลมได้ออกจำหน่ายสตูดิโออัลบั้มชุดที่สี่ เซฟมายไลฟ์ (Save My life) มีเพลงฮิตอย่าง "แค่หลับตา" "นาฬิกาตาย" "อกหัก" "เสี้ยววินาที" "คนมีตังค์" และ "ยาพิษ" ทางวงเองได้ออกคอนเสิร์ตใหญ่ในกรุงเทพในต้นเดือนตุลาคมปีเดียวกัน ในวันที่ 20 – 21 ตุลาคม พ.ศ. 2550 บอดี้สแลมได้ออกคอนเสิร์ตบอดี้สแลมเซฟมายไลฟ์ ที่อินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก โดยมีแขกรับเชิญ ได้แก่ โก้ มิสเตอร์ แซกแมน (Koh Mr.Saxman) ร่วมแสดงในเพลง "นาฬิกาตาย", ปู พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ ร่วมแสดงในเพลง "ความเชื่อ" "แม่", ปนัดดา เรืองวุฒิ ร่วมแสดงในเพลง "แค่หลับตา", แอ๊ด คาราบาว ร่วมแสดงในเพลง "ความเชื่อ" "รักต้องสู้", และทีมเชียร์ลีดเดอร์จากมหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมแสดงในเพลง "ท่านผู้ชม"
ความสำเร็จจากอัลบั้มใหม่ทำให้วงมีแฟนคลับขนาดใหญ่ขึ้น และกลายเป็นหนึ่งในวงดนตรีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย อัลบั้มเซฟมายไลฟ์ ได้ชนะในสีสันอะวอร์ด ครั้งที่ 20 ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2551 สาขาศิลปินกลุ่มร็อกยอดเยี่ยม อัลบั้มร็อกยอดเยี่ยม และเพลงร็อกยอดเยี่ยม สำหรับเพลง "ยาพิษ"[3] และได้ออกคอนเสิร์ตในวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ในชื่อคอนเสิร์ต EVERY BODYSLAM CONCERT ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี โดยมีศิลปินรับเชิญ ได้แก่ ฟักแฟง โน มอร์ เทียร์-ไปรยา มลาศรี ในเพลง "แค่หลับตา" และบุดด้าเบลส

อัลบั้ม คราม (2552–2555)[แก้]

ซิงเกิล "คราม" ออกในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2552 พร้อมกับสตูดิโออัลบั้มชุดที่ห้าของวง คราม ออกจำหน่ายในกลางปี พ.ศ. 2553 (หลังจากเลื่อนไปเป็นมิถุนายน พ.ศ. 2553 จากการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ พ.ศ. 2553) อัลบั้มนี้มีเพลงฮิตอย่าง "คราม" "คิดฮอด" "โทน" "แสงสุดท้าย" "ทางกลับบ้าน" "ความรัก" "สติ๊กเกอร์" "เงา" "ปล่อย" และ "เปราะบาง" วงได้ออกแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ที่เรียกว่า บอดี้สแลมไลฟ์อินคราม ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ด้วยผู้ชมมากกว่า 65,000 คน[4] โดยมีศิลปินรับเชิญ ได้แก่ ศิริพร อำไพพงษ์ ในเพลง "คิดฮอด", อุ๋ย บุดด้าเบลส และฟักกลิ้ง ฮีโร่ ในเพลง "สติ๊กเกอร์", และวงบิ๊กแอส และได้สำเร็จทัวร์ในวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554 ด้วยคอนเสิร์ต บอดี้สแลมไลฟ์อินลาว : เวิลด์ทัวร์ ที่สนามกีฬาแห่งชาติลาว และในปี พ.ศ. 2555 ได้จัดคอนเสิร์ตบอดี้สแลมนั่งเล่น ที่อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 1 (Impact Exhibition Hall 1) ในวันที่ 10 – 12 กุมภาพันธ์[5]

อัลบั้ม ดัม-มะ-ชา-ติ (2556–ปัจจุบัน)[แก้]

สตูดิโออัลบั้มชุดที่หกของวง ดัม-มะ-ชา-ติ (dharmajāti) ในภาษาสันสกฤตหมายถึง "ธรรมชาติ" โดยอัลบั้มนี้จะเน้นไปทางเกี่ยวกับชีวิตและมีแนวเพลงไปทางโพรเกรสซิฟร็อก ออกจำหน่ายในวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557[6] มีเพลงดังอย่าง "เรือเล็กควรออกจากฝั่ง" "ปลิดปลิว" "ดัม-มะ-ชา-ติ" "รักอยู่ข้างเธอ" "ชีวิตยังคงสวยงาม" "ความฝันกับจักรวาล" และ "คิดถึง" และมีกำหนดการออกคอนเสิร์ตบอดี้สแลม ปรากฏการณ์ ดัม-มะ-ชา-ติ โดยเป็นการทัวร์คอนเสิร์ตเต็มรูปแบบครั้งแรกของวง เพื่อสนับสนุนอัลบั้ม โดยเริ่มแสดงตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557 – 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558[7] และเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 ยุทธนา บุญอ้อม ได้ประกาศยกเลิกทัวร์ บอดี้สแลม ปรากฏการณ์ ดัม-มะ-ชา-ติ ที่เหลือทั้งหมด โดยจัดที่จังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดสุดท้าย[8]
ในวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 วงบอดี้แสลมจัดคอนเสิร์ต คอนเสิร์ตบอดี้สแลมสิบสาม เพื่อครบรอบ 13 ปีของทางวง ที่ริมทะเลสาบเมืองทองธานี โดยมีศิลปินรับเชิญ ได้แก่ อัญชลี จงคดีกิจ[9] ร่วมแสดงในเพลง "รักอยู่ข้างเธอ" และ "แค่หลับตา", วงโมเดิร์นด็อก[10] ร่วมแสดงในเพลง "ปล่อย" "คนที่ถูกรัก" และ "ตาสว่าง", วงลาบานูน [11] ร่วมแสดงในเพลง "ตาสว่าง" "ยาม" และ "ปลิดปลิว", อ๊อฟ-กบ-หมู จากวงบิ๊กแอส[12][13] ร่วมแสดงในเพลง "งมงาย" "ความรักทำให้คนตาบอด" "ย้ำ" และ "อย่างน้อย", ศิริพร อำไพพงษ์ ร่วมแสดงในเพลง "คิดฮอด", รัฐพล พรรณเชษฐ์ ร่วมแสดงในเพลง "สักวันฉันจะดีพอ" และเพลง "บอดี้สแลม", กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ และอุ๋ย บุดด้า เบลส ร่วมแสดงในเพลง "สติ๊กเตอร์"
วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ทางวงได้เผยแพร่เพลงใหม่ "เวลาเท่านั้น"[14]

สมาชิกของวง[แก้]

สมาชิกปัจจุบัน
อดีตสมาชิก
  • รัฐพล พรรณเชษฐ์ (เภา) – กีตาร์นำ (พ.ศ. 2545–2548)
หมายเหตุ
  • อัลบั้มที่ 2 ชัชเป็นมือกลองแบกอัพ และตั้งแต่อัลบั้มที่ 3 จนถึงปัจจุบัน ได้ร่วมเป็นสมาชิกของวง
  • ในอัลบั้ม 1, 4, 5 โอมร่วมงานเป็นแบกอัพ จนปลายอัลบั้มที่ 5 ได้ร่วมเป็นสมาชิกของวง

รถในฝัน

 1. มายบาทบัค เอ็กซ์เซเลโร่ (Maybach Exelero) ราคา 8 ล้านเหรียญสหรัฐ
       การพัฒนาและออกแบบเป็นฝีมือของทีมงานของมายบัคกับนักเรียนออกแบบที่วิทยาลัยฟอร์ซไฮม์ (Pforzheim) และได้สโตลา (Stola) สำนักออกแบบชื่อดังของเมืองตูริน ประเทศอิตาลีรับหน้าที่ในการผลิตตัวถัง โดยการพัฒนามีขึ้นบนพื้นฐานของซีดานหรูรุ่น 57 ตัวถังมีความยาว 5,890 มิลลิเมตร กว้าง 2,140 มิลลิเมตร สูง 1,390 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 3,390 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 2,660 กิโลกรัม
       
       ทะยานแรงด้วยเครื่องยนต์วี12 ตัวแรงของเมอร์เซเดส-เบนซ์ซึ่งมีความจุกระบอกสูบ 5,908 ซีซี และเสริมพลังขับเคลื่อนด้วยเทอร์โบคู่ ทำให้มีกำลังถึง 700 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 103.9 กก.-ม. ที่ 2,500 รอบ/นาที
       
       อย่างไรก็ตามจะว่าไปแล้ว โปรเจ็กต์นี้ทางมายบัคไม่ได้เป็นต้นคิด แต่ทางฟัลดาซึ่งเป็นผู้ผลิตยางชั้นนำของเยอรมนีได้พัฒนารถสปอร์ตต้นแบบรุ่นนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นนายแบบสำหรับจัดแสดงยางรุ่นใหม่แบบสปอร์ตที่รองรับกับการใช้งานไฮ-เพอร์ฟอร์แมนซ์ที่ระดับความเร็วมากกว่า 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง และจากการทดสอบอย่างเป็นทางการที่ได้รับการรับรองโดยสมาพันธ์ยานยนต์นานาชาติ หรือ FIA มายบัค เอ็กเซอเลโรทำความเร็วถึง 351.45 กิโลเมตร/ชั่วโมงในการขับที่สนามนาร์โด ประเทศอิตาลี
       
       มายบัค เอ็กเซอเลโรเป็นแค่งานสำหรับใช้จัดแสดงซึ่งทางฟัลดานำออกโชว์ตัวในงานที่เทโปโดรม เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ส่วนการผลิตจริงนั้น แน่นอนว่ายังไม่มีในเร็วๆ นี้ แต่อนาคตไม่แน่...เพราะมายบัคอาจหันมาสนใจพัฒนารถสปอร์ตระดับหรูเพื่อเสริมทัพในตลาดก็เป็นได้หลังจากไปได้สวยกับการเปิดตัวซีดานรุ่น 57 และ 62 ออกมากวาดเงินจากกระเป๋าของเศรษฐีทั่วโลก 

สถานที่ท่องเทียวที่ชอบ

หาดกะตะน้อย
 


 
หาดกะตะน้อย ภูเก็ต

หาดกะตะน้อยเป็นชายหาดที่อยู่ถัดจากหาดกะตะ ใช้เวลาเดินทางจากหาดกะตะเพียง 5 นาที หาดกะตะน้อยเป็นชายหาดที่มีทรายสีขาวละเอียด เป็นหาดเล็กๆ หาดหนึ่งที่มีความสวยงาม และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไม่แพ้หาดกะตะ
จุดเด่น
- เป็นอีกหนึ่งชายหาดที่มีชื่อเสียงมากของภูเก็ต
- เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวของชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก
- บริเวณหาดมีเม็ดทรายสีขาวละเอียด
- เหมาะสำหรับกิจกรรมเล่นน้ำตามชายฝั่ง
- มีแหล่งช๊อปปิ้ง ร้านอาหาร สปา ขนาดเล็กไว้ค่อยบริการนักท่องเที่ยว
- มีโรงแรมรองรับนักท่องเที่ยวทั้งขนาดเล็กและขนาดกลาง
- สามารถเดินทางไปยัง หาดกะตะ หาดกะรน ได้ เพียงไม่กี่นาที เนื่องจากเป็นหาดที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน
- มีจุดรับส่งนักท่องเที่ยวหรือแท็กซี่บริการนักท่องเที่ยวเล็กน้อย
จุดด้อย
- เป็นชายหาดที่อยู่สุดสายถนน ถััดจากหาดกะตะไปทางใต้ ทำให้การเดินทางออกจากหาดไปยัง ณ จุดท่องเที่ยวอื่นๆ มีเพียงเส้นทางเดียว
- ทิวทัศน์หน้าหาดส่วนใหญ่จะถูกบดบังด้วยโรงแรม
- ทางสาธารณะเข้าหน้าหาดเป็นเพียงทางเข้าเล็กๆ แต่สามารถมองเห็นหาดได้จากทางเข้า เนื่องจากเส้นทางเิดินเ้ข้าหาดไม่ยาวมากนัก
- จุดจอดรถ ทั้งรถยนต์และรถจักายานยนต์มีน้อย
การเดินทาง
การเดินมางมายังหาดกะตะน้อย สามารถเดินทางมาจากถนนสายหลักได้เพียงเส้นทางเดียว หากมาทางหาดกะตะ ขับรถมาตามถนนสายหลัก ลงมาทางใต้ จะอยู่ถัดจากหาดประมาณ 5 นาที สามารถเดินทางไปถึงหาดได้ทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ แต่สำหรับจุดจอดรถยนต์ จะห่างจากชายหาดประมาณเล็กน้อย

ราศีที่เกิด

ราศีธนู(Sagittarius)


ราศีแห่งคุณงามความดี และมองการณ์ไกล


ราศีธนู
ความคิดใหม่ๆ เป็นทูตนำความคิดเพื่อคนอื่น ชอบเดินทาง ชอบกีฬา ใช้สมองในด้านปรัชญาและหลักการต่างๆ เหมาะที่จะเป็นนักปราชญ์ ศาสตราจารย์ ที่ปรึกษา นักบวช ผู้พิพากษา แพทย์ นักแม่นปืนและนักโหราศาสตร์
รูปลักษณ์
ชาวราศีธนูนั้น สมควรจะต้องเป็นคนผิวเนื้อขาวเหลืองจึงจะถูกโฉลก รูปร่างไม่ใหญ่โต แต่สันทัดคน การเดินเหินเป็นไปด้วยความราบเรียบ ระมัดระวัง สุภาพ ชาวราศีธนูเป็นผู้ที่มีเสน่ห์อยู่ในตัวเองแบบประหลาดๆ จึงเป็นที่ชื่นชมแก่ผู้พบเห็นทั่วไป วางตัวดี น่าสนใจพอสมควร กิริยาอาการนี้เองที่เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของชาวราศีธนูทั้งหลาย
ความรัก คู่ครอง
ชาวราศีธนูนับว่าเป็นผู้ที่มีเสน่ห์ในตัวเองอย่างประหลาด รูปร่าง ท่าทาง ใบหน้า เป็นที่เชิญชวนสำหรับผู้ที่พบเห็นจริงๆ หล่อเหลาเอาการ สำหรับเพศชาย รูปร่างสวยงาม หน้าตาดี สำหรับเพศหญิงทั้งหลาย ไปที่ไหนก็มีเพศตรงข้ามจับตามอง และอยากรู้จักด้วยเสมอ ทำให้ชาวราศีนี้ฮึกเหิมในตัวเองว่าเพศตรงข้ามนั้นเป็นผู้ที่ไม่รีงเกียจตัวเองเลย จึงพยายามทำให้ตนเองเป็นที่รักชอของเพศตรงข้าม สำหรับ ชาวราศีธนูเพศหญิง นั้นเล่า มีดีอยู่เช่นเดียวกัน คู่ครอง คนรัก ของชาวราศีธนูเพศหญิงนั้นนับว่า เป็นคู่ครองที่ดียิ่ง มีความเอาอกเอาใจดี เข้าใจกันดี สามารถครองรัก ครองชีวิตคู่ต่อกันไปได้อย่างราบรื่น มีความสุขโดยตลอด ชาวราศีธนูเพศหญิงเป็นผู้ที่มองกายถวายชีวิตให้ผู้เป็นสามีอย่างถวายหัวจริงๆ จงรักภักดีมาก ทำหน้าที่แม่ศรีเรือนได้เต็มร้อย แต่บางทีในตอนหลังๆ ฝ่ายเพศชายอาจจะคิดสนุกสนานกับเพศตรงข้ามอื่นๆบ้างก็ได้ ก็ไม่สูจะเป็นปัญหาอะไรนักหรอก เพียงสร้างความยุ่งยากหัวใจให้ท่านบ้างเป็นบางขณะ แล้วก็ไม่มีอะไรเพราะตัวท่านนั้นเป็นคนดีอยู่แล้ว คู่ครองก็เกิดความเกรงอกเกรงใจเสมอ
สถานที่ถูกโฉลก
สถานที่ถูกโฉลกและมีความสัมพันธ์ในทางที่จะทำให้เกิดประโยชน์กับคนราศีธนู ได้แก่ คอกม้าทหาร โรงฝึกยิงปืน โรงงานทำหมวก โรงเก็บอาหารสัตว์ใหญ่ ห้องชั้นบน และที่ใกล้เตาไฟ สนามยิงปืน บ้านคนเลี้ยงม้า กุฏิพระ บ้านนักแข่งม้า สถานที่สอนหนังสือ ห้องประชุมที่ปรึกษา สำนักงานทะนายความบ้านพักครู โรงพยาบาลสงฆ์ ราสังฆภัณฑ์สงฆ์ ร้านขายเครื่องหอม กระทรวงการต่างประเทศ บริษัททัวร์ โรงงานเภสัช ปั๊มน้ำมัน แก๊ส บริษัทส่งคนไปทำงานต่างประเทศ                        

อุปนิสัยใจคอ
ชาวราศีธนูโดยทั่วไป พูดได้เลยว่าเป็นผู้ที่ถือดี เอาแต่ใจตนเองเป็นที่ตั้ง บางทีก็เรียกได้ว่า หัวดื้อ มองดูคนอื่นแล้วคิดว่าทำอะไรไม่ได้เทียบเท่าตนเอง จิตใจดี รักความยุติธรรมเป็นชีวิตจิตใจ เหตุผลจะต้องชัดเจนจึงจะเชื่อถือ หากไร้เหตุผลแล้ว ชาวราศีธนูจะไม่เอาด้วยเด็ดขาด เพราะตะขิดตะขวงใจจริงๆ ซื่อสัตย์สุจริต ใจบุญสุนทาน ใจร้อน ทำอะไรชอบความรวดเร็วทันอกทันใจ ไม่ชอบหยุดนิ่งอยู่กับที่ จะต้องอยู่ไม่สุข ทำอะไรต่อมิอะไรอยู่เสมอ ชาวราศีธนูเป็นคนมีสติปัญญาดี ฉลาด มองคนได้ชัดเจน รู้ดีว่าจิตใจเป็นอย่างไร ดีหรือไม่ดีอย่างไร เอารัดเอาเปรียบหรือเปล่า แม้ตนจะรู้ทันก็มักจะเก็บเงียบเอาไว้คนเดียวโดยไม่ปริปากออกมา นอกจากเหลืออดจริงๆเท่านั้น จึงจะแตกหักกันไปข้างหนึ่งทันที มักเป็นคนที่ว่าอะไรก็ว่าตามกัน ไม่ค่อยขัดใจใคร พูดจาเรียบร้อยอยู่แล้ว จึงมีนิสัยค่อนข้างเกรงอกเกรงใจผู้อื่น    ช่วงเวลา
16 ธันวาคม -15 มกราคม
ธาตุประจำราศี
ธาตุไฟ
สีนำโชค
สีเหลืองอ่อน สีแดงเลือดนก สีนำเงิน สีม่วง สีเขียว
อัญมณี
นิล ทับทิมแดง เพชร บุษราคัม ไพฑูรย์ เทอร์คอยย์
ราศีส่งเสริม
ราศีกุมภ์ ราศีตุลย์
ต้นไม้มงคล
บัว, เฟริน์ข้าหลวง, พลูด่าง, โป๊ยเซียน
ทิศมงคล
ทิศตะวันตกเฉียงใต้
อาชีพ/ความสนใจ
นักวิทยาศาสตร์, นักเขียน, นักสังคมวิทยาา, เจ้าหน้าที่มูลนิธิ, นักดาราศาสตร์, นักบินอวกาศ, นักโบราณคดี, เจ้าหน้าที่โรงงาน, นักรังสีวิทยา, นักประดิษฐ์, ทหาร